เรียกได้ว่าเป็น
“นักแสดงบู๊แอ๊คชั่น” ที่มีความหล่อไม่แพ้พระเอกของเรื่องเลยทีเดียว
สำหรับนักแสดงหนุ่มหุ่นล่ำบึ้ก เซน-นพฤทธิ์ ศรีบุตร จากละครบู๊แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่อง
“เล็บครุฑ” ของค่ายไนน์บีเวอร์ฟิล์ม ที่ผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง เว่อร์-โอริเวอร์
บีเวอร์ เจียระไนมากับมือ เพราะเป็นคนชักชวนหนุ่มคนนี้มาเล่นละครเรื่องแรก “ขุนกระทิง”
ในบท “ตอง ท่าเตียน”
แฟนๆ
หลายคนอาจจะไม่รู้จักเค้ามากนัก
เพราะถือว่ายังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่บทบาท “กำพล” ในละคร “เล็บครุฑ”
เรียกได้ว่าโดดเด่น จนหลายคนจับตามอง และอยากรู้จักเค้ามากขึ้นทีเดียวเชียว
ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิง หนุ่มเซนเคยรับราชการเป็นทหารรับใช้ชาติ
ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี และเคยผ่านสนามรบเพื่อปกป้องประเทศชาติมาแล้วด้วย
“ผมเคยรับราชการที่กองพันลาดตระเวน
กองพลนาวิกโยธินหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินมาก่อนครับ เคยออกรบที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้”
เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมนักแสดงหนุ่มคนนี้ถึงมีฝีไม้ลายมือในการเล่นบู๊แอ๊คชั่น
รวมทั้งการใช้อุปกรณ์การต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะเขาผ่านการฝึกฝนเรื่อง
การต่อสู้ป้องกันระยะประชั้นชิด อาวุธมีด ปืน โค้ดคอมแบท และคอมแมนโดแซมโบ้
จากการร่วมงานกันครั้งแรกกับค่ายไนน์บีเวอร์ฟิล์มในละคร “ขุนกระทิง”
หนุ่มเซนเล่าให้ฟังว่า ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน แม้ในช่วงแรกอาจจะงงๆ อยู่บ้าง
เขาอาศัยการฝึกฝนจากการดูซีรี่ส์ ดูหนังมากขึ้น เพื่อเรียนรู้ทักษะด้านแสดง
จนได้รับโอกาสที่ดีในการเล่นละครเรื่องที่สอง “มือเหนือเมฆ”
เรื่องนี้เขาได้รับบทบาทที่ต้องใช้ทักษะการแสดงมากขึ้น
นอกจากคิวบู๊ที่เขาสอบผ่านได้อย่างสบาย แต่บทดราม่านั้น
หนุ่มเซนต้องทำการบ้านหนักขึ้น
“ผมได้โอกาสที่ผู้ใหญ่มอบให้ ถ้าไม่ได้โอกาส
ผมคงไม่ได้ไปต่อ บท ตอง ใน มือเหนือเมฆ ก็มีอะไรให้เล่นมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง ดราม่า
ผมก็ทำการบ้านคือ อ่านบทให้เข้าใจ เล่นตามที่ผู้กำกับฯ บอก
ส่วนแอ็คติ้งก็ต้องฝึกฝนด้วยตัวเองไม่มีทริคในการจำบทอะไรเลย
อ่านแล้วก็จำประมาณนั้นครับ ในส่วนการแสดงผมว่าผมยังต้องพัฒนาไปอีกเยอะครับ”
จากละคร “ขุนกระทิง” สู่ “เล็บครุฑ” ในวันนี้
เซนยอมรับว่ามีคนรู้จักมากขึ้น ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่าง โอริเวอร์ บีเวอร์
ที่มอบโอกาสให้เขาอีกครั้งกับบทบาทหนึ่งใน ทีมหน่วย SFA027 ที่ ณ
เพลานี้ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเรียก “กำพล” และถามหาเพื่อนๆ ในหน่วยด้วย
“ก็พอมีคนจำได้บ้าง ยังไม่ถึงคำว่ามีชื่อเสียงหรอกครับ
มีคนมาขอถ่ายรูป บางทีก็ถามหาเพื่อนๆ ในหน่วย ซึ่งผมก็รู้สึกดีที่ว่า
เวลาเราเล่นละคร แล้วมีคนดู แล้วมีคนติดตาม แล้วมีคนมาให้กำลังใจเรา
มันก็เหมือนเป็นพลังบางอย่างที่อยากทำให้เราตั้งใจ และทุ่มเทกับงานมากขึ้น แล้วเราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย
ผมต้องออกกำลังกายทุกวัน ฝึกฝนตัวเองอยู่บ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายเฟิร์ม
และทำงานได้อย่างเต็มที่ จริงๆ กว่าจะมีละครออกมาฉายหนึ่งเรื่อง
ผมว่าไม่ใช่แค่นักแสดงหรอกครับ ทีมงานก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้งานออกมาดี
โดยเฉพาะหัวเรือใหญ่อย่างพี่เว่อร์ ผมว่าพี่เค้าเก่งมาก
และเป็นไอดอลผมในเรื่องของความตั้งใจและมุ่งมั่นในงานครับ”
ถึงวันนี้หนุ่มเซนไม่ได้รับราชการทหารแล้ว เพราะให้เวลาเต็มที่กับวงการบันเทิง
รวมทั้งรับงานเป็น Personal Trainer ออกกำลังกาย
และรับสอนคิวบู๊ นอกจากนี้ยังไปช่วยหวานใจเปิด “สตูดิโอโยคะ” แถวๆ
เดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ ในนาม “อรุณสวัสดิ์โยคะ” และ “มหาสวัสดิ์โยคะ”
เปิดสอนโยคะเพื่อสุขภาพ โดยให้บริการแบบตัวต่อตัวหรือเป็นกลุ่มก็ได้
หนุ่มเซนยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า “สิ่งที่ผมได้จากการเป็นนักแสดงคือ
เงิน มิตรภาพ เพื่อนฝูง และการเรียนรู้ สำหรับผม ยังต้องหาประสบการณ์จากตรงนี้อีกเยอะครับ
ซึ่งผมจะคำนึงถึงเรื่องการมีวินัย ความรับผิดชอบ
และความเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับอย่างเต็มกำลังและสุดความสามารถ
เพราะถ้าหากเราบกพร่องตรงจุดนี้ ก็คงไม่มีใครจ้างผมเล่นละครแน่ๆ ครับ”
เป็นนักแสดงหนุ่มที่มีความคิดดี
และคาดว่าหนทางในวงการบันเทิงยังอีกไกลแน่นอน!!!
แสดงความคิดเห็น